Honda CBR500R 2022 รีวิวรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สปอร์ตพร้อมราคา / ตารางผ่อน (Top Speed วิ่งได้เท่าไหร่)
รถตระกูล CBR500R นี้เป็นรถที่ถูกเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2013 โดยถูกวางโพซิชั่นให้เป็นรถสปอร์ตพิกัดกลาง 'หลังจากนั้นมา CBR500R ก็ได้รับการปรับโฉมพร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นรถที่โดนใจไบค์เกอร์ และสามารถสร้างยอดขายที่ดีได้ทั้งในเมืองไทย และทั่วโลก จนเมื่อมาถึงปี 2021 ทางฮอนด้าบิ๊กไบค์ก็ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว New CBR500R อีกครั้ง
เรื่องรูปลักษณ์ New CBR500R ดูสวยและความดุดันขึ้นเป็นอย่างมาก ลวดลายกราฟิกเป็นงานที่ได้ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถเข้ากับรถสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี และเนื่องจากว่า ฮอนด้า เป็นค่ายที่มีการส่งรถแข่งลงไลล่ล่าแชมป์หลายรายการมากๆ ดังนั้น ส่วนเทคโนโลยีใหม่ของ New CBR500R จึงเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาและถ่ายทอดจากสนามแข่ง โดยในครั้งนี้ ไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือการติดตั้งโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. และดิสก์เบรกหน้าคู่ ซึ่ง ณ จุดนี้นี่เองที่ทำให้ New CBR500R กลายเป็นรถที่มาสร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงขึ้นให้กับรถสปอร์ตในคลาสนี้ ที่มาพร้อมสเปคระดับเดียวกับรถซูเปอร์ไบค์ ซึ่งโช้กอัพที่ทำงานคู่กับระบบเบรกใหม่ ตัองบอกเลยว่าแม้จะใช้เบรกหนักๆ ในสนามแข่งก็เอาเอาอยู่เลยจริงๆ แถมระบบ ABS ก็ทำงานได้ดี จนการเบรกหนักๆ สามารถทำได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ถ้าเราไม่ได้ดูสเปคแบบลงรายละเอียด หลายๆ คนอาจคิดว่าทางฮอนด้าไม่ได้พัฒนาเรื่องของการลดน้ำหนักตัวรถลง เพราะตัวรถยังคงมีน้ำหนักรวมที่เท่าเดิม แต่ในความจริงแล้วทางผู้ออกแบบได้มีการพัฒนาในเรื่องน้ำหนักของตัวรถมาเหมือนกัน คือที่ล้อหน้าเบาลงประมาน 50 กรัม ส่วนล้อหลังจะเบาลงมากถึงประมาณ 450 กรัมเลยทีเดียว ดังนั้นถ้ารวมน้ำหนักล้อทั้งล้อหน้าและล้อหลังไว้ด้วยกันก็จะพบว่าน้ำหนักลดลงมากถึงครึ่งกิโลกรัมเลยทีเดียว โดนการวางน้ำหนักล้อหน้าและหลังใหม่ทำให้น้ำหนักถ่วงมาด้านหน้า ส่งผลให้เข้าโค้งได้ดีขึ้นจนรู้สึกได้ แม้ว่าในส่วนของสวิงอาร์มจะมีหน้าตาดูเหมือนเดิม แต่ตรงนี้ทางฮอนด้าก็ได้มีการพัฒนาให้สามารถลดน้ำหนักให้เบาลงอีกถึง 1 กิโลกรัมเลยทีเดียว การด้วยเทคโนโลยีการออกแบบใหม่ที่มีการเน้นในส่วนที่ต้องรับน้ำหนักเยอะให้หนา และลดน้ำหนักลงในส่วนที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากลงไป ทำให้แม้ว่าน้ำหนักจะลดลงมากถึง 1 กิโล แต่ความแข็งแรงในการใช้งานยังคงเท่าเดิม ดังนั้นหากรวมน้ำหนักของล้อและสวิงอาร์ม ก็จะพบว่าน้ำหนักหายไปถึงราวๆ 1 โลครึ่งเลยทีเดียว แต่เมื่อมีการเพิ่มน้ำหนักของเบรกเรเดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบและจานเบรกเพิ่มเข้าไป ซึ่งคนที่เคยถอดหรือยกเบรกและจานออกมาทำความสะอาดก็จะรู้ดีอยู่แล้วนะครับว่าระบบเบรกเป็นอะไรที่มีน้ำหนักมากพอสมควร ดังนั้น ระบบเบรกที่ถูกเพิ่มเข้ามาจึงทำให้ CBR500R มีน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับของเดิม และการที่ทางวิศวกรของฮอนด้าลดน้ำหนักช่วงล่างลงนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการขับขี่มากมากกว่าการลดน้ำหนักช่วงบนของตัวรถลงเป็นไหนๆ ท้งนี้ เพราะในขณะขับขี่ ล้อจะมีการหมุนด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดแรงหมุนเวี่ยงขึ้น อีกทั้งยังต้องมีการเลี้ยง และเอียงไปทางตามองศาของรถด้วย ส่วนสวิงอาร์มก็จะมีการสั่นสะเทือน หรือขยับขึ้นรถตลอดขณะขับขี่ ดังนั้น การลดน้ำหนักช่วงล่างลงจึงทำให้ตัวรถสามารถออกตัว เข้าโค้ง และขับขี่บนความเร็วสูงได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งมีผลดีกว่ารถรุ่นอื่นที่มีน้ำหนักเบา แต่ไปเน้นที่การลดน้ำหนักที่ช่วงบนของตัวรถแทน
New CBR500R ได้รับการอัพเกรดไฟหน้าคู่แบบ LED ให้มีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิมถึง 25% ทำให้การขับขี่ในเวลากลางคืนมีความปลอดภัยและมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น และทางค่ายยังได้ติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่มาช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความนุ่มนวล และความต่อเนื่องของการขับขี่ ในด้านของสมรรถนะ แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นพื้นฐานเครื่องยนต์เหมือนกับตัวก่อน คือเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี แต่เวลาขับขี่จริงจะสามารถรับรู้ได้เลยว่าม้นสามารถออกตัวได้ดีขึ้น แรงขึ้น โดยความเร็วสูงสุดที่ผมสามารถทำได้จะอยู่ที่ 190 กม./ชม. ในส่วนของแฮนด์จะใช้เป็นแฮนด์บาร์จับที่อยู่ใต้แผงคอ ล็อกติดอยู่กับโช้กอัพทางด้านหน้าที่ถูกยกสูงขึ้นมา ทำให้ผู้ขับขี่อยู่ในทางที่สบายสามารถขับขี่นานๆ ไกลๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสัมผัสอารมณ์แบบรถซูเปอร์สปอร์ตด้วยหมอบแนบไปติดถังได้ ซึ่งตัวรถเนี่ยถูกออกแบบให้ทำแอโร่ไดนามิกทำได้ดี ทำให้เวลาหมอบขับขี่เราจะสามารถแหวกอากาศไปได้โดยที่ไม่รู้สึกถึงแรงต้านที่มาปะทะตัว ให้ความรู้สึกถึงการขับจี่แบบเรซซิ่งขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้ New CBR500R กลายเป็นรถที่ออกมาสั่นสะเทือนวงการรถบิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ต ก็คือการที่ตัวรถได้รับการอัพเกรดออปชันระดับท็อปคลาส แต่กลับถูกวางราคาจำหน่ายไว้เท่ากับรถเวอร์ชั่นก่อนหน้า คืออยู่ที่ 219,800 บาทเท่านั้น
โดยสรุป New CBR500R เป็นรถที่สามารถขับขี่ได้ไม่ยาก ทำให้เหมาะที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่อยากจะก้าวเข้ามาสู่โลกของบิ๊กไบค์สายสปอร์ต แต่ในขณะเดียวกันก็เหมาะกับนักขี่มือโปรที่ชื่นชอบรถสไตล์สปอร์ตที่ชื่นคงชอบความประหยัดแต่ก็ยังคงมาพร้อมกับออปชั่นแบบจัดเต็มด้วย มันมีความแรงที่ทำให้ขับขี่ได้สนุก แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถคุมได้ง่ายด้วย แถมฟีเจอร์ที่ได้รับการอัพเกรดแบบจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ระดับท็อปคลาส ก็ยังมอบฟิลลิ่งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมกว่าในโฉมก่อนหน้าได้เป็นอย่างมาก และการที่มันมาพร้อมราคาเท่าเดิมไม่ได้ถูกปรับขึ้นตามออปชั่นนี่แหละที่ทำให้รถรุ่นนี้กลายมาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่หากว่าคุณกำลังมองหารถสปอร์ตพิกัดระดับนี้ในเวลานี้อยู่
🎞 สอนเข้าโค้ง - แบนโค้ง โดยนักแข่งระดับโลก 👇
https://youtu.be/s6_ckI5dDR0
☎️ ติดต่อเพื่อให้การสนับสนุนได้ที่ 081-407-0505 (คุณอ้น)
📌 ติดตาม Facebook Fanpage ของเราได้ที่นี่ 👇 https://web.facebook.com/Championship-Channel-104251577639855/?modal=admin_todo_tour