New Honda Giorno+ 125cc 2023 รีวิว/ทดสอบขับขี่ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส ทั้งตัวธรรม/แต่ง (ราคา/ตารางผ่อน)
📍 ฮอนด้า ได้เปิดตัว ‘New Honda Giorno+’ ครั้งแรกของโลกในประเทศไทย และผมก็ได้มีโอกาสทดสอบขับขี่รถรุ่นนี้หลังการเปิดตัวครั้งนี้ด้วย ดังนั้นในคลิปนี้ผมก็จะพูดถึงสเปคและความรู้สึกหลังจากขับขี่ในคลิปนี้คลิปเดียวเลยนะครับ สำหรับ Giorno+ จะรถสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกรุ่นใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้คอนเซปต์ The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า พร้อมยังเปิดตัว 3 พรีเซนเตอร์ระดับท็อป ณเดชน์-วิโอเลต-เจฟ ซาเตอร์ ด้วย โดยตัวรถก็อย่างที่เห็นเลยครับ สวยงาม มีสีสันที่โดดเด่นเข้ากับดีไซน์ของรถ Honda Giorno+ เป็นรถที่ถูกพัฒนาพื้นฐานต่อยอดมาจาก Honda Lead โดยตัวถังของ Giorno+ จะเป็นเฟรมแบบอันเดอร์โบน ครอบด้วยแฟริ่งพลาสติก และทำสีแบบเมทัลลิก ทำให้ชุดสีมีความเงางามเหมือนกับรถตัวถังเหล็ก ซึ่งข้อดีของบอดี้พลาสติกแบบนี้คือเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงจะทำได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก แต่เมื่อมองโดยรวมแล้ว ตัวรถจะดูมีคลาส และสะดุดตา ระบบไฟใช้ชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ลงตัวเข้ากับเส้นสายที่ให้ความคลาสสิกรอบคัน เครื่องยนต์ใช้เครื่อง eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยส่วนตัวผมประทับใจเครื่องยนต์ตัวนี้มาก เพราะมันทำให้ตัวรถมีแรงบิดช่วงต้นที่จัดจ้าน บิดติดมือ สั่งได้ดั่งใจ เมื่อยกคันเร่ง ตัวรถมีความลื่นไหลไม่มีอาการกระตุกใดๆ แม้แต่น้อย ถือว่าเครื่องยนต์มาได้นุ่มนวล ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบที่เน้นขับในเมืองที่มีแต่สภาพการจราจรที่ติดขัด จะสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ 46.7 กม./ลิตรด้วยกัน ส่วนระบบเบรกจะใช้ดิสก์เบรกหน้า พร้อมระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง Combi Brake System ที่ระบบจะทำการกระจายแรงเบรกให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแม้ว่าจะกดเบรกเพียงข้างเดียวก็ตาม มีการเสริมความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบเบรก ABS ในรุ่น ABS โดยรุ่น ABS จะได้ปั้มเบรกสีทอง และปั้มเบรก 2 พอต ที่แตกต่างจากรุ่น Standard จากการทดสอบแม้ว่าจะพบเหตุการณ์ให้ต้องเบรกกระทันหันแต่ก็สามารถหยุดรถได้ในระยะที่สั้น การทำงานของระบบกระจายแรงเบรกทำได้ดีจนเราแทบจะไม่รู้สึกถึงการทำงานของระบบเลย ที่สำคัญ ทางผู้ผลิตมีการติดตั้งเบรกมือมาให้ด้วย ทำให้ไม่ต้องกลัวว่ารถจะไหล แม้เวลาจอดบนทางที่มีความลาดชัน
Honda Giorno+ จะใช้กุญแจแบบรีโมท Smart Key ในทุกรุ่น ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ส่วนกล่องเก็บของใต้เบาะ U-Box จะมีขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร ทำให้สามารถเก็บหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ และสัมภาระอีกจำนวนหนึ่งได้ เบาะนั่งเป็นแบบตอนเดียวมีความสูงจากพื้นที่เพียง 780 มม. ทำให้ผมที่มีส่วนสูงอยู่ที่ 172 ซม. สามารถวางเท้าลงพื้นแบบเต็มๆ เท้าได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักเบา โดยรถที่ผมทดสอบจะเป็นรุ่น Standard ที่มีน้ำหนักเพียง 118 กิโลกรัมเท่านั้น ไม่เพียงเท่านี้ ทางฮอนด้ายังมีการออกแบบให้รถคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงรถที่ต่ำมาก ดังนั้น Giorno+ จึงขับขี่ง่าย เป็นมิตรกับทุกๆ คน แม้ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ตาม ที่คอนโซลด้านซ้ายของผู้ขับขี่ จะช่องเก็บของที่มีที่เปิดปิด และมีการติดตั้ง USB Socket ทำให้สามารถชาร์จแบตมือถือได้ตลอดเวลา รวมถึงจุดเติมน้ำมันที่อยู่ด้านหน้ารถ ทำให้สามารถเติมน้ำมันได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่ต้องเปิดเบาะ โดยถังน้ำมันจะสามารถจุเชื้อเพลิงได้ที่ 5.4 ลิตร ดังนั้นคุณจึงสามารถขับขี่เป็นระยะทางราวๆ 200 กิโลเมตรได้แบบชิวๆ มีหูแขวนสัมภาระทำให้สามารถวางสัมภาระบริเวณที่วางเท้าได้ ระบบกันสะเทือนด้านหน้า ใช้โช๊คอัพแบบเทเลสโกปิก ล้อหน้าเป็นล้ออัลลอยขนาด 12 นิ้ว สวมด้วยยางขนาด 100/90 R12 แบบไม่มียางใน หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล ที่สามารถบอกข้อมูลการขับขี่พื้นฐานได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดความเร็ว, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, นาฬิกา, มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองขณะขับขี่ และ จับทริป A, B
ไทยฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย New Honda Giorno+ แล้ว ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยหลักๆ จะมีสองรุ่นย่อย คือรุ่น ABS ที่มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเทา-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำอยู่ที่ 66,900 บาท ส่วนรุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเหลือง-ดำ สีเขียว-ดำ และสีน้ำเงิน-ดำ ราคาแนะนำอยู่ที่ 61,900 บาท และนี่ก็คือตารางผ่อน ใครที่ดูไม่ทันก็สามารถแคปหน้าจอเพื่อเก็บเอาไว้ดูได้ แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าตารางผ่อนตัวนี้ ผมทำขึ้นมาเพื่อให้ทุกท่านสามารถกะได้ว่าต้องดาวน์และผ่อนประมานเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ต้องการตารางผ่อนที่ถูกต้องจริงๆ ให้ไปขอจากทางศูนย์เลยจะดีกว่า เพราะตารางผ่อนอาจจะแตกต่างกันออกไปตามโปรโมชั่นของแต่ละร้าน นอกจากรุ่น ABS และรุ่น Standard แล้ว ยังได้มีการเปิดตัวรถ Special Edition ที่มาพร้อมชุดแต่งโดยสำนักแต่ง H2C by Honda ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แต่ละไลฟ์สไตล์ 3 รุ่นย่อย คือรุ่น Bianco Pearl Edition ที่ตกแต่งมาในสไตล์ Urban Rider ที่ดูทันสมัยในแบบคนเมืองรุ่นใหม่ ราคาแนะนำที่ 72,900 บาท
รุ่นต่อมาคือรุ่น Glamorous Nero Edition ที่ตกแต่งสไตล์ Casual Weekender สนนราคาแนะนำที่ 75,900 บาท
และสุดท้ายคือ Ruby Russo Edition ที่ตกแต่งในแบบ Street Strider ให้ลุคสปอร์ตและอัพสมรรถนะและความแรงขึ้นไปอีกระดับ คันนี้สนนราคาแนะนำที่ 78,900 บาท
🎞 Honda Click 125i 👇
https://youtu.be/9IRBINe_MKQ?si=ax4Z86z7Zy2CsLTQ
☎️ ติดต่อโชว์กีฬาเอ็กซ์ตรีม หรือให้การสนับสนุนได้ที่ 081-407-0505 (คุณอ้น)
📌 ติดตาม Facebook Fanpage ของเราได้ที่นี่ 👇
https://web.facebook.com/Championship-Channel-104251577639855/?modal=admin_todo_tour